เมื่อพูดถึงการรักษาริ้วรอยและการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า สองวิธีหลักที่เป็นที่นิยมคือการใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ (Botox) และโปรแกรมฟิลเลอร์ (Filler) ทั้งสองวิธีนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย แต่แตกต่างกันในด้านการทำงาน ผลลัพธ์ และการเหมาะสมกับปัญหาผิวต่าง ๆ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้มากที่สุด
โบท็อกซ์คืออะไร?
โบท็อกซ์เป็นสารที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium botulinum ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่บริเวณที่มีริ้วรอย กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายลง ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นบนหน้าผาก รอยตีนกา หรือริ้วรอยระหว่างคิ้ว ลดลงโดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 5-6 เดือน หลังจากนั้นต้องเข้ารับการฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
ฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าสู่ผิวหนังเพื่อช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก หรือเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า โดยส่วนมากฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันทำจากสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยให้ใบหน้าดูอวบอิ่มขึ้นและลดเลือนริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร้องน้ำหมาก หรือร่องลึกใต้ตา แต่ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และการฉีดฟิลเลอร์ต้องใช้เทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์สูง เนื่องจากหากฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดผลข้างเคียงได้
ความแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์
- กลไกการทำงาน
โบท็อกซ์ ทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยเมื่อมีการแสดงอารมณ์
ฟิลเลอร์ ทำงานโดยการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า
- ประเภทของริ้วรอยที่รักษา
โบท็อกซ์ เหมาะสำหรับริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก
ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือการเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า
- ระยะเวลาของผลลัพธ์
โบท็อกซ์ ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 5-6 เดือน
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 9 เดือนถึง 1 ปี
ควรเลือกใช้โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ดี?
การเลือกใช้โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับประเภทของริ้วรอยและปัญหาผิวที่คุณต้องการแก้ไข หากคุณมีริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ โบท็อกซ์อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่หากคุณต้องการเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า ฟิลเลอร์จะตอบโจทย์มากกว่า
การปรึกษากับแพทย์จะช่วยให้คุณได้การรักษาที่เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
สนใจปรึกษาเพิ่มเติม ทำนัด คลิก