Profhilo vs Radiesse: ความแตกต่างที่ควรรู้
การเลือกการรักษาผิวด้วย Profhilo หรือ Radiesse ขึ้นอยู่กับปัญหาและผลลัพธ์ที่คุณต้องการ เนื่องจากทั้งสองมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. ส่วนประกอบหลัก
Profhilo: ใช้ Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูงโดยไม่มีสารเติมเต็ม (filler) จุดเด่นคือการฟื้นฟูผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
Radiesse: ประกอบด้วย Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่สามารถยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
2. หลักการดูแลผิว
Profhilo: เหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน หย่อนคล้อย หรือขาดความยืดหยุ่น โดยไม่ต้องการปรับรูปหน้า
Radiesse: เน้นการปรับรูปหน้า เติมเต็มโครงสร้าง เช่น บริเวณหน้าแก้ม ร่องแก้ม หรือแนวกราม และช่วยยกกระชับผิวไปพร้อมกัน
3. วิธีการทำงาน
Profhilo: ใช้เทคโนโลยี NAHYCO® ทำให้ HA กระจายตัวในชั้นผิวและกระตุ้นการฟื้นฟูผิวจากภายใน ฉีดเพียง 5 จุดต่อข้างของใบหน้า
Radiesse: ฉีดในชั้นผิวลึกหรือโครงหน้า โดยมีเนื้อเจลที่ให้ผลลัพธ์ทันที และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
4. ผลลัพธ์
Profhilo: ให้ผลลัพธ์ที่เน้นคุณภาพผิวชั้นบน เช่น ความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก
Radiesse: ให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มโครงหน้าเน้นโครงสร้างผิวชั้นลึก ช่วยยกกระชับ และลดริ้วรอยลึก
5. ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์
Profhilo: ผลลัพธ์คงอยู่ 6-12 เดือน
Radiesse: ผลลัพธ์ในการเติมเต็มเห็นทันที และการกระตุ้นคอลลาเจนอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
เลือกอะไรดี?
หากคุณต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยไม่ต้องปรับโครงหน้า Profhilo อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
แต่หากคุณต้องการปรับรูปหน้า เติมเต็ม และยกกระชับในเวลาเดียวกัน Radiesse จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
มามิคลินิก พร้อมให้คำปรึกษาโดยแพทย์ประจำคลินิก เพื่อช่วยคุณตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายของคุณ ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองคิวได้เลย!